Custom Search

วันเสาร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

โรคอื่นที่มีลักษณะคล้ายกับเด็กสมาธิสั้น

     การที่จะวินิจฉัยว่าเด็กเป็นโรค ADHD จะต้องระวังเพราะหากว่าเป็นโรคนี้แล้วจะต้องให้การรักษาเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นจะต้องแยกโรคที่มีลักษณะใกล้เคียงดังตัวอย่างเช่น เด็กปกติมาตลอดแต่เมื่อพ่อแม่เสียชีวิต เด็กมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป เด็กที่หูชั้นกลางอักเสบจะมีปัญหาการสื่อสารกันทำให้เด็กมีปัญหาความสัมพันธ์ โรคที่มีลักษณะคล้ายกันเช่น
          -  ความบกพร่องในการเรียนรู้ ( learning disability : LD )
          -  โรคลมชัก
          -  มีปัญหาการได้ยิน
          -  เด็กเป็นโรคซึมเศร้าหรือวิตกกังวล
    
     ผู้ป่วยโรคสมาธิสั้นมักจะพบร่วมกับโรคอะไรบ้าง
    
ผู้ป่วยที่เป็นโรคสมาธิสั้นมักมีปัญหาทางพฤติกรรม การเรียนรู้ และการเข้าสังคมดังนั้นเด็กบางคนอาจจะมีปัญหาที่พบร่วมกันโรคต่าง ๆ ที่อาจจะพบร่วมกันได้แก่
         
มีความบกพร่องในการเรียนรู้
         
Tourette's syndrome ผู้ป่วยจะมีการกระตุกของหน้า ร่วมกับการกระพริบตาถี่ๆ
         
มีภาวะต้านสังคม เริ่มแรกอาจจะมีการดื้อคำสั่ง ทำร้ายเพื่อเมื่อไม่พอใจ หรืออาจจะทำร้ายตัวเอง หากไม่แก้ไขก็อาจจะกลายเป็นภาวะต่อต้านสังคม อาจจะชอบขโมย จุดไฟเผา ทำลายทรัพย์สิน
         
มีความวิตกกังวลหรือซึมเศร้า

สาเหตุของโรคสมาธิสั้น
     สาเหตุที่แท้จริงยังไม่ใครทราบว่าเกิดจากอะไร จากการศึกษาการทำงานของสมองของคนเป็นโรคสมาธิสั้นพบว่าสมองบางส่วนมีการทำงานน้อยกว่าปกติ และยังพบอีกว่าแม่ที่สูบบุหรี่ ดื่มสุราหรือใช้ยาเสพติดระหว่างตั้งครรภ์ อาจจะมีผลทำให้สมองเด็กมีปัญหาในการพัฒนา นอกจากนั้นยังพบว่าสารตะกั่วในสิ่งแวดล้อมก็น่าจะมีส่วนทำให้เกิดโรคนี้

การวินิจฉัยโรค
    
การวินิจฉัยโรคนี้มีความลำบากเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของโรคจะค่อยเป็นค่อยไป โดยที่พ่อแม่หรือคนใกล้ไม่ทันสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง นอกจากนั้นการเกิดโรคก็สามารถเกิดได้ตั้งแต่อายุ 3-7 ขวบ ดังนั้นโรคนี้มักจะวินิจฉัยโดยคุณครูเนื่องจากเด็กที่เป็นโรคจะแตกต่างจากเด็กอื่นค่อนข้างมาก

ขั้นตอนการวินิจฉัย
    
เมื่อแพทย์ได้รับการปรึกษาจากผู้ปกครองแพทย์จะเริ่มการตรวจวินิจฉัยโรคโดยมีขั้นตอนดังนี้
         
1. วินิจฉัยเพื่อแยกโรคอื่นที่มีลักษณะใกล้เคียง
              
ตรวจดูสิ่งแวดล้อมทั้งที่บ้านและโรงเรียนว่ามีปัญหาความเครียดให้เด็กหรือไม่ พ่อแม่และครูแก้ปัญหาอย่างไร
              
ตรวจดูอารมณ์ของเด็ก
              
ตรวจโรคลมชัก
              
ตรวจเรื่องการได้ยินและการมองเห็น
               ตรวจเรื่องภูมิแพ้และอาหารที่มี caffiene หากเด็กได้รับมากเกินไปอาจจะทำให้เด็กเกิดซุกซน
         
2. แพทย์จะประเมินพฤติกรรมของเด็กว่าเข้าได้กับอาการของโรคสมาธิสั้นหรือไม่ นอกจากนั้นแพทย์อาจจะต้องเฝ้าดูพฤติกรรมของเด็กที่โรงเรียนและที่บ้าน
         
3. แพทย์จะให้ครูทั้งอดีตและปัจจุบันประเมินพฤติกรรมของเด็ก
         
4. มีการทดสอบความสามารถในการปรับตัว สุขภาพจิต IQ ของเด็ก
          
5. แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะประเมินพฤติกรรมของเด็กในสิ่งแวดล้อมต่างกัน เช่นการอ่านหนังสือ ระหว่างคิดเลข ระหว่างการเล่นเกมส์

การใช้ยาในการรักษา
     ยาที่ใช้รักษาเด็กสมาธิสั้นที่ได้แก่ methylphenidate , dextroamphetamine ,  pemoline ยากลุ่มนี้จะช่วยลดความไม่อยู่นิ่งของเด็กและช่วยให้เด็กมีสมาธิในการเรียน ทำงาน การคัดลายมือ และการกีฬา แต่ต้องระลึกไว้เสมอว่ายาเหล่านี้ไม่ใช่ยารักษาโรค ยานี้เป็นเพียงควบคุมอาการของโรค เชื่อว่าการใช้ยากลุ่มนี้ร่วมกับการใช้ พฤติกรรมบำบัด การดูแลด้านจิตใจ และการประคับประคองอย่างอื่นจะช่วยทำให้เด็กดีขึ้น
     ข้อที่ต้องระวังของการใช้ยาเหล่านี้ เนื่องจากยาเหล่านี้หากใช้ไม่ถูกต้องอาจจะเป็นเสพติด ดังนั้นต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ในเด็กมักไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องติดยา และเมื่อการรักษาได้ผลต้องให้กำลังใจเด็กว่ากว่าการชื่นชมว่าเป็นผลของยาเพราะจะทำให้เด็กต้องพึ่งยา

พ่อแม่ต้องเรียนรู้วิธีการดูแลเด็ก
     ดังที่กล่าวข้างต้น เด็กเหล่านี้จะมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับคนในสังคม เด็กจะทรมานกับการทำการบ้านแต่แล้วก็ลืมเอาไปส่งครู เด็กจะมีปัญหากับเพื่อนร่วมชั้น พี่น้อง ส่วนพ่อแม่ที่ไม่เข้าใจเด็กก็จะไม่สนใจเนื่องจากเด็กจะไม่เชื่อฟังพ่อแม่จะไม่สามารถควบคุมเด็ก เด็กจะไม่มีระเบียบวินัย ต่อมาพ่อแม่ก็จะใช้วิธีดุ ตีแม้ว่าจะทราบว่าเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องแต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร พฤติกรรมการดุด่าและการลงโทษจะทำให้อาการของเด็กแย่ลง เด็กจะดื้อมากขึ้น ต่อต้าน ก้าวร้าว วิธีการที่ดีกว่าคือ การให้คำชมหรือรางวัลเมื่อเด็กแสดงพฤติกรรมที่ถูกต้อง และควบคุมพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยการงดกิจกรรมที่เด็กชอบ หรือตัดสิทธิอื่น ๆ ทั้งพ่อแม่และเด็กจะต้องปรึกษานักจิตเพื่อช่วยกันประคับประคองความรู้สึก พฤติกรรมให้เป็นไปในแนวทางที่ถูกต้อง พ่อและแม่ต้องพูดคุยกับแพทย์เพื่อที่จะได้ช่วยให้ความรู้เกี่ยวกับข้อจำกัด ที่ตัวเด็ก และช่วยแนะนำแนวทางปฏิบัติตัวเพื่อให้เด็กได้ใช้ความสามารถด้านอื่นทดแทนในส่วนที่บกพร่อง

ผู้ใหญ่ก็เป็นโรคสมาธิสั้น
     โรคสมาธิสั้นไม่ใช่โรคที่เกิดกับเด็กเท่านั้น ปัจจุบันพบว่าผู้ใหญ่หลาย ๆ คนก็มีปัญหานี้ทำให้ชีวิตไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ลักษณะต่อไปนี้จะช่วยบ่งชี้ว่าท่านอาจจะเป็นโรคสมาธิสั้น และต้องได้รับการรักษา
         
มีประวัติบ่งชี้เป็นโรคสมาธิสั้นในเด็ก
          ใจร้อน โมโหง่าย
         
อารมณ์ขึ้นลงเร็ว
         
หุนหัน พลันแล่น ขาดความยับยั้งชั่งใจ
         
สามารถทนกับความเครียด หรือสิ่งที่ทำให้คับข้องใจได้น้อย
          ไม่ค่อยมีสมาธิในการทำงาน
         
รอคอยอะไรนานๆไม่ได้
          มักจะทำงานหลายชิ้นในเวลาเดียวกัน และไม่สำเร็จสักชิ้น
          นั่งนิ่ง ๆ อยู่ได้ไม่นาน
          -  เบื่อง่าย ต้องการสิ่งเร้าใจอยู่เสมอ
         
ไม่มีระเบียบ
         
เปลี่ยนงานบ่อย เนื่องจากความผิดพลาดในการทำงาน
         
ผิดนัด หรือลืมทำเรื่องสำคัญอยู่เสมอ
         
มีปัญหากับคนรอบข้าง เช่น สามี ภรรยา ญาติพี่น้อง หัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงาน

วันศุกร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สมาธิสั้น ( Attention Deficit Hyperactivity Disorder : ADHD )


     หากท่านมีลูกคนหนึ่งซนมาก อยู่ไม่เป็นที่ เบื่อง่าย ไม่มีสมาธิในการทำงาน ความสนใจถูกหักเหโดยแสง สี เสียงเพียงเล็กน้อย อาการต่าง ๆ ที่กล่าวเป็นอาการของเด็กสมาธิสั้นหรือที่เรียกว่า Attention Deficit Hyperactive Disorder เด็กจะไม่สามารถนั่งวางแผนหรือทำงานให้สำเร็จลุล่วง ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ไม่สามารถทำงานที่ใช้ทักษะ โรคนี้พบมากในเด็กประมาณร้อยละ 3 - 5 พบในเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง 2 - 3 เท่า อาการนี้สามารถดำเนินจนถึงวัยรุ่นทำให้เกิดความเครียด

อาการของเด็กสมาธิสั้น
     การวินิจฉัยโรคนี้ไม่ง่ายเหมือนการตรวจโรคทั่วไป ที่สามารถเห็นด้วยตาหรือการตรวจทางห้องปฏิบัติการ แต่การวินิจฉัยโรคสมาธิสั้นจะอาศัยพฤติกรรมที่มีลักษณะเฉพาะ ซึ่งจะมีลักษณะดังต่อไปนี้
 
     1. การขาดสมาธิ ( Inattention )          
          -  เด็กจะสนใจงานหรือของเล่นเพียงไม่นานหลังจากนั้นก็จะเบื่อ
         
-  ไม่มีความพยายามที่จะทำงานที่ต้องใช้ทักษะ
         
-  มีปัญหาในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
         
-  ไม่สามารถทำงานที่ครูหรือพ่อแม่สั่งจนสำเร็จ
         
-  ไม่มีสมาธิในการทำงาน หรือเวลาเล่น
         
-  ไม่สามารถตั้งใจฟัง และเก็บรายละเอียดไม่ได้
         
-  ขี้ลืมบ่อย
         
-  วอกแวกง่าย

     2. เด็กจะไม่อยู่นิ่งและควบคุมตัวเองไม่ได้ ( Hyperactivity )         
          - เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา
         
- เล่นไปรอบห้อง
         
- พูดคุยตลอด พูดไม่หยุด
         
- เมื่อนั่งอยู่ที่เก้าอี้ก็ไม่สามารถนั่งนิ่ง จะโยกไปโยกมา
         
- แตะสิ่งโน้นสิ่งนี้อยู่ตลอดเวลา
         
- เคาะโต๊ะส่งเสียงดัง
         
- รอคอยไม่เป็น
         
- ชอบขัดจังหวะเวลาที่ผู้อื่นพูดคุยกัน
         
- บางคนอาจจะทำหลาย ๆ อย่างพร้อมกัน

     3.  เด็กจะหุนหัน ( Impulsivity )
          เด็กจะทำ หรือตอบสนองต่อสิ่งเร้าโดยที่ไม่ได้คิด เด็กอาจจะพูดโต้ตอบโดยที่ไม่คิด ข้ามถนนโดยที่ไม่ดูรถ เด็กจะไม่สามารถรอยคอยสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ เด็กอาจจะแย่งของเล่นจากเด็กคนอื่น เมื่อไม่พอใจเด็กอาจจะทำลายของเล่นนั้น
    
     ในการประเมินว่าเด็กคนใดจะเป็นโรคสมาธิสั้นหรือไม่นั้น แพทย์จะประเมินพฤติกรรมเป็นมากเกินไปหรือไม่ เป็นระยะเวลานานหรือไม่ อาการเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ และเมื่อเทียบกับเด็กอื่นที่อายุใกล้เคียงกันมีความแตกต่างกันหรือไม่ พฤติกรรมที่เด็กแสดงออกเป็นเพียงตอบสนองต่อเหตุการณ์บางอย่างหรือไม่ พฤติกรรมนั้นเกิดซ้ำ ๆ กันต่างเวลาและต่างสถานที่ แต่อย่างไรก็ตามแพทย์จะมีเกณฑ์วินิจฉัยโรคสมาธิสั้นดังต่อไปนี้

     1. อาการที่แสดงว่าเด็กอยู่ในภาวะที่มีสมาธิสั้น inattention        
         
-  สมาธิของเด็กจะไขว้เขวได้ง่ายโดยอาจจะเกิดจากสิ่งที่มากระทบเพียงเล็กน้อย
         
-  เด็กจะไม่สามารถให้ความสนใจกับรายละเอียด และมักจะเกิดการผิดพลาดจากความประมาท
         
-  มักจะไม่ทำตามคำแนะนำ
         
-  มักจะทำของหายบ่อย เช่น ดินสอ ตุ๊กตา สมุด

     2. อาการที่แสดงว่าเด็กไม่อยู่นิ่ง hyperactivity และ impulsivity        
         
-  เด็กจะไม่อยู่นิ่ง เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เป็นคนอยู่ไม่สุข มือและเท้าหยุกหยิกอยู่ตลอดเวลา
         
-   วิ่ง ปีนป่าย หรือลุกจากเก้าในขณะที่เด็กอื่นนั่งกันหมด
         
-  พูดโพล่สวนออกมาโดยที่ยังฟังคำถามไม่เสร็จ
         
-  ไม่สามารถเข้าแถวรอได้
     แต่อย่างไรก็ตามเด็กปกติการสามารถมีอาการเหล่านี้ได้ ดังนั้นการวินิจฉัยจะต้องอาศัยเกณฑ์คือ
          1.  พฤติกรรมเหล่านี้จะต้องเกิดก่อนอายุ 7 ขวบ
          2.  เป็นติดต่อกันอย่างน้อย 6 เดือน
          3.  พฤติกรรมของเด็กจะต้องรุนแรงและมากกว่าเด็กปกติ
          4.  พฤติกรรมเหล่านี้ต้องเกิดอย่างน้อย 2 แห่ง เช่น บ้าน โรงเรียน ที่ทำงาน ที่สาธารณะ


ภาพจาก : Internet

วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

การดูแลเด็กพิการทางสมอง (CP)



     แม้จะมีกลุ่มอาการของเด็ก  Cerebral palsy (C.P.) มากมายแต่ที่เราพอจะให้ความช่วยเหลือและรักษาได้คือ พวก spasticity เท่านั้นในการดูแลรักษาเราจะแบ่งเด็ก spastic cerebral palsy ออกเป็น
     1. Hemiplegia คือพวกที่มี   spasticity ของแขนและขาข้างใดข้างหนึ่งส่วนอีกข้างหนึ่งปกติ
     2. Double hemiplegia   คือ มีลักษณะของ hemiplegia ทั้ง 2 ข้างเพียงแต่ความรุนแรงของแต่ละข้างไม่เท่ากัน
     3. quadriplegia  หรือ total body involvement  พวกนี้มี  involvement ของทั้งแขนและขาทั้ง 2 ข้างเท่า ๆ กัน ส่วนใหญ่ของ cases  พวกนี้มักจะมี neck  หรือ  cranial nerve involvement   ด้วย  ปัจจุบันจึงนิยมที่จะเรียก total body  involvement  มากกว่า quadriplegia
     4. Diplegia คือ involved มากเฉพาะที่ขาทั้ง 2 ข้าง ในขณะที่แขนทั้ง 2 ข้าง gross movement เกือบจะปกติมีเฉพาะส่วนของ fine movement เท่านั้นที่ถูก involved
     5. อื่น ๆ เช่น monoplegia, paraplegia, triplegia พบน้อยมาก โดยเฉพาะ paraplegia ในกรณีนี้ควร rule out spinal cord lesion ออกก่อน ก่อนที่จะบอกว่าเป็น Cerebral palsy ชนิด paraplegia

การรักษา แบ่งเป็นการรักษาด้านกระดูกและข้อ และการรักษาด้านอื่นๆ
     1.ป้องกันความผิดรูปของข้อ ต่างๆ โดยใช้ วิธีทาง
          - กายภาพบำบัด(Physical Therapy) จะช่วยให้เด็กซีพี เรียนรู้การเคลื่อนไหวและการปรับสมดุลย์ของร่างกายได้ดีขึ้น
          - อรรถบำบัด (Speech and Language Therapy) เด็กๆ ที่เป็นซีพี จะได้ฝึกทักษะการสื่อสาร
     2.ลดความเกร็ง โดยใช้ยา
          - ยากิน กลุ่ม diazepam
          - ยาฉีด เฉพาะที่ ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน คือกลุ่ม Botox
     3.การผ่าตัด
          - การผ่าตัดลดความตึงของกล้ามเนื้อโดยผ่าคลายเฉพาะกล้ามเนื้อที่ยึดตึง
          - การย้ายเอ็น เพื่อสร้างความสมดุลของข้อ
          - การผ่าตัดกระดูก ในรายที่กระดูกถูกดึงจนผิดรูปแล้ว
     4. การให้การดูแลรวมถึงให้กำลังใจ โดยพ่อแม่ผู้ปกครองมีส่วนสำคัญ กับการพัฒนาการด้านอารมณ์ของเด็ก
     5.การรักษาด้านอื่นๆ เช่น การผ่าตัดแก้ไขตาเหล่ น้ำลายยืด การใช้เครื่องช่วยฟัง ใช้ยาควบคุมการชัก รวมถึงปัญหาด้าน จิตเวช


เด็กพิการทางสมอง (Cerebral Palsy : CP)


     CP ย่อมาจาก (Cerebral Palsy) หมายถึง การพิการทางสมอง ซึ่งเด็กจะมีการเคลื่อนไหวร่างกายที่ผิดปกติ การขยับแขนขา ลำตัวใบหน้า ลิ้น รวมถึงการทรงตัวที่ผิดปกติ เด็กที่เป็นโรคนี้มักมี ปัญหาในการควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อปัญหาการพูดคุยและการกินและอาจจะมีปัญหาในการควบคุมลมหายใจเพื่อเปล่งเสียง (เรียกกันว่า Dysarthria)  ในทางการแพทย์ จัดเด็กพิการ CP เป็นภาวะพิการทางสมองชนิดหนึ่ง เด็กพิการซีพี ส่วนใหญ่สติปัญญาดี ไม่ปัญญาอ่อน ประมาณ 70-80% มีค่า IQ มากกว่า 70 บางรายมีการรับรู้ ความรู้สึกที่ผิดปกติด้วย
     เด็กพิการทางสมองซีพี คือเด็กที่มีความเสียหายของเนื้อสมองเกิดขึ้นในช่วงอายุที่สมองยังเจริญไม่เต็มที่และจะไม่สามารถคืนสู่สภาพปกติเพราะเซลล์สมองไม่สามารถแบ่งตัว เพิ่มจำนวนแทนที่ส่วนที่เสียหายได้
     สาเหตุของโรค เกิดขึ้นได้ทั้งก่อน / ระหว่าง / หลังคลอด อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ หรือจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับแม่ แม่ที่มีความดันโลหิตสูงหรือเป็นโรคเบาหวานอาจเป็นปัญหากับทารกในครรภ์ นอกจากนี้ อาจเป็นปัญหาระหว่างคลอดที่เด็กได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอ คลอดยาก สมองได้รับการกระทบกระเทือน เด็กคลอดก่อนกำหนด โดยปกตินั้นเด็กแรกเกิด เนื้อสมองจะยังเจริญเติบโตไม่สมบูรณ์ต้องอาศัย ระยะเวลาประมาณ 6 ปีระบบประสาทส่วนต่างๆ จึงทำงานโดยสมบูรณ์ โดยในช่วง อายุ 2 ปีแรกนั้น ถือเป็นช่วงที่มีอัตราการเจริญที่รวดเร็วเกือบ 80%ของทั้งหมด
     เด็กซีพี อาจจำแนกโดยลักษณะการเคลื่อนไหวได้ 4 ประเภท คือ
          1. Spastic CP จะมีอาการกล้ามเนื้อเกร็งแน่น ไม่สามารถหดตัวได้เหมือนกล้ามเนื้อปกติ มีลักษณะแข็งทื่อ 
          2. Ataxic CP กล้ามเนื้อจะยืดหดอย่างไม่เป็นระบบระเบียบ ทำให้ไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้ หากเด็กมีความเก็บกดทางอารมณ์ หรือเมื่อเวลาตื่นเต้น กล้ามเนื้อจะยิ่งผิดปกติมากขึ้น
          3. Athetoid CP มีอาการกล้ามเนื้อไม่ประสานกัน ทำให้เด็กควบคุมสมดุลย์ไม่ได้ ทำให้โซเซและหกล้มได้ง่าย ประมาณ 1 ใน 4 ของเด็กที่เป็นซีพี จะมีอาการเป็น Atheloid CP
          4. Mixed CP เป็นการผสมผสานลักษณะทั้งสามคือ เด็กคนเดียวอาจมีลักษณะที่กล่าวมาแล้ว โดยประมาณกันว่า 1 ใน 4 ของคนที่เป็น ซีพี จะมีลักษณะของการผสมผสานประเภทนี้